Douluo Dalu4.5 : บทที่15 ความเมตตา

    Author: Lemonade Genre: »
    Rating

    Douluo Dalu4.5 : บทที่15 ความเมตตา


    ใช่แล้ว ชายหนุ่มที่อยู่ๆปรากฏตัวขึ้นนั้น ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหลิงอวี่โม่นั่นเอง หลิงอวี่โม่พูดด้วยความโกรธ : "คุณจะปล่อยให้เธอไปแบบนี้น่ะเหรอ?"

    อาไตมองเขาด้วยอาการมึนงง ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าหมอบลงและเอามือวางไว้บนหัวของเขา "คุณทำอะไร?" หลิงอวี่โม่ถามด้วยความงุนงง

    "ฉันขโมยของคุณไปรึป่าว" อาไตพูดด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย

    หลิงอวี่โม่เข้าใจทันทีว่าเด็กคนนี้คิดว่าเหยื่อของเขามาทวงของคืน "คุณนี่โง่จริงๆ " คุณปกป้องเขาตั้งมากมาย แต่พอมีโอกาสเขาก็จากไปอย่างไม่รีรอ เด็กหญิงคนนั้นใช้ไม่ได้จริงๆ ฮึ!

    อาไตเงยหน้าขึ้นและพูดปกป้องเด็กหญิงคนนั้นว่า : "คุณยายคนนั้นจะทำให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น"

    หลิงอวี่โม่จ้องมองไปที่ดวงตาที่ดูซื่อๆ แต่ดื้อรั้นของเขา อย่างพูดไม่ออก : "เอาเถอะ อย่าพูดถึงมันอีกเลย ไปเถอะ ฉันจะเลี้ยงอาหารคุณเอง"

    "ฉันไม่ไปกับคุณ! คุณว่าเด็กหญิงคนนั้นไม่ดี " อาไตยืนขึ้นและส่ายหัว

    "ไม่ คุณต้องไป"

    จางกงเว่ยมองภาพตรงหน้าของเขาอย่างเงียบๆ และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

    อาไตในภาพถูกลากโดยหลิงอวี่โม่ไปที่ร้านอาหารเพื่อทานอาหาร

    สถานที่ ที่พวกเขาไปไม่ใช่ร้านอาหารที่หรูหรา แต่เป็นร้านอาหารธรรมดา ด้วยฐานะของหลิงอวี่โม่ ไม่ใช่ว่าเขาลังเลที่จะใช้จ่ายเงิน แต่เขากลัวอาไตจะไม่สามารถปรับตัวได้

    หลังมื้ออาหาร หลิงอวี่โม่ชวนเขาไปอยู่ด้วย เขาจะให้ครอบครัวของเขา ส่งเสียให้อาไตได้เล่าเรียน แต่ไม่ทันไรเขาก็วิ่งหนีจากไป เมื่อเขาวิ่งไปในตรอก เขาหยุดแล้วหันกลับมามอง ก่อนจะวิ่งหายไปอย่างเงียบๆ

    แน่นอนว่าไม่มีขอทานและไม่มีองค์กรของทานใดๆ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นโดยจางกงเว่ย

    ในโลกนี้ไม่เคยมีความรักที่ไม่มีอุปสรรคใดๆมาก่อน เช่นเดียวกับที่จางกงเว่ยเลือกหลิงอวี่โม่เด็กที่ขี้เกียจ แต่ทุกอย่างในภาพก็ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

    ก่อนการประเมินของโรงเรียนเชร็คจะเริ่มขึ้น ราชันเทพเจ้าหลายองค์ได้จัดเตรียมการทดสอบบางอย่างไว้ในเมืองเชร็ค มันถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี คนปกติจะไม่สามารถรับรู้ได้เลย และไม่มีจุดสังเกตุใดๆ มีเพียงเทพเจ้าสองสามองค์เท่านั้นที่จัดไว้เพื่อความสนุกสนาน

    เรื่องราวของมั่นตวนและเด็กสาวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่ไม่ใช่ในโลกนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเทพมรณะมั่นตวน ยังเป็นเด็กโง่อยู่ ในสมัยนั้นเขาจึงถูกเรียกว่าอาไต

    มีนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่ได้พบเจอขอทานน้อยทั้งสองคน อาไตและเด็กสาว แต่หลิงอวี่โม่เป็นคนเดียวที่สังเกตุ เฝ้าดู และคอยติดตามอย่างมีสติ สุดท้ายหลิงอวี่โม่ก็เป็นเพียงคนเดียวที่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ดีงาม ยิ่งไปกว่านั้นเขาเรียนรู้สิ่งนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย นั่นคือหลักการว่า การให้ปลาคนไม่ดีเท่าสอนคนให้จับปลา เขาไม่สนใจความโง่เขลาของอาไต และเขายังจะให้โอกาสในการมีชีวิตที่ดีขึ้นกับอาไต นี่แหละคือความเมตตาและแสดงถึงสติปัญญาของเขา

    สำหรับเหล่าทวยเทพแล้ว พรสวรรค์มีความสำคัญอย่างนั้นหรือ? อันที่จริงแล้ว มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมาก แต่ลักษณะนิสัยของแต่ละบุคคลก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาสั้นๆ แม้พวกเขาจะเป็นถึงราชันเทพ แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงเป็นผู้แนะนำให้เด็กเหล่านี้เท่านั้น

    แม้ว่าหลิงอวี่โม่จะขี้เกียจ แต่ความมีเมตตาและจิตใจที่ดีงามของเขา ก็ดีงามโดยธรรมชาติ เขาจึงได้รับการชื่นชมจากเหล่าราชันเทพเจ้า

    มีแสงสีทองจางๆถูกปล่อยออกมาจากมือของจางกงเว่ย ปกคลุมไปทั่วร่างของหลิงอวี่โม่อย่างช้าๆ แน่นอนว่าจางกงเว่ยจะไม่ให้พลังกับเขาโดยตรง เพราะการได้มาโดยไม่ผ่านความพยายามมักเปล่าประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นศิษย์ของราชันเทพ ลูกหลานของเทพสมุทรถังซาน ก็ล้วนผ่านความยากลำบากนับครั้งไม่ถ้วน จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ

    นี่เป็นรางวัลสำหรับการผ่านภารกิจลับ รางวัลนี้เป็นพรสวรรค์ทางสายเลือดของบุตรแห่งแสง ทำให้เขาเป็นบุตรแห่งแสงเช่นเดียวกัน

    ทะเลสาบเทพสมุทร เต็มไปด้วยอากาศที่บริสุทธิ์มีชีวิตชีวา มีหมอกจางๆบริเวณรอบนอก จะมองเห็นได้ชัดเจนเพียงด้านที่หันไปทางทะเลสาบ หากมองไปจะเห็นบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม้ ภายนอกบ้านไม้มีสนามหญ้าเล็กๆ ล้อมรอบด้วยรั้ว ไต้อิ๋งติดตามอาไตกลับมาที่นี่ เธอบังเอิญได้เห็นผู้หญิงที่แต่งตัวเรียบร้อย แต่กำลังยุ่งอยู่ในสนาม

    "อาไตคุณกลับมาแล้วเหรอ?" หญิงสาวพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดู "มาดูนี่ มะเขือเทศที่ข้าปลูกไว้ มันเริ่มออกผลแล้ว ฮิฮิฮิ มันงามจริงๆ!" แม้จะไม่ใช่ของวิเศษเหมือนผลไม้เซียนที่มาจากจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แต่การเกิดโดยธรรมชาติแบบนี้ก็น่าสนใจจริงๆ ผลลัพธ์ของน้ำที่ทะเลสาบเทพสมุทรนั้น มันน่าอัศจรรย์มาก เราสามารถกินผักที่เราปลูกได้เมื่อมันโต"

    เทพแห่งความตายมั่นตวนหรืออาไต ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า เยว่เยว่ เรามีแขกมาที่นี่

    หญิงสาวคนนั้นเงยหน้าขึ้นและมองมาทางพวกเขา  ทันทีที่ไต้อิ๋งได้เห็นหน้าเธอครั้งแรก ก็รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบมันสว่างไสวขึ้นทันที

    "สาวสวยคนนี้คือนักเรียนที่คุณเลือกเหรอ? ใบหน้าของหญิงสาวแสดงออกถึงความตื่นเต้นและรีบเดินออกมาจากรั้ว"

    "ลูกสาวของฮั่วอวี่เฮ่า" อาไตยิ้ม เวลานี้เขาเต็มไปด้วยความสบายใจเมื่อมองไปที่ภรรยาของเขา

    "เป็นลูกสาวของราชันเทพฮั่วอวี่เฮ่าหรือ?" ดูแล้วสิ่งดึงดูดใจของโรงเรียนเชร็คนั้นมีไม่น้อยเลยจริงๆ

    ฉันชื่อเสวียนเยว่

    ไต้อิ๋งรีบพูดว่า "สวัสดีค่ะครู"

    เสวียนเยว่ยิ้มและพูดว่า: "เธอก็เก่งเหมือนกัน ฉันจะเป็นครูเธอได้ยังไง แล้วทำไมพ่อเธอไม่สอนเธอเองล่ะ ทำไมถึงส่งเธอมาที่โรงเรียนเชร็ค?"

    ไต้อิ๋งกล่าวว่า "พ่อแม่ของฉันจบการศึกษาจากโรงเรียนเชร็คทั้งคู่ พ่อบอกฉันว่าให้ฉันเลือกเอง ฉันคิดว่าแผนกชีวิตและความตายที่ครูก่อตั้งนั้นมันเจ๋งมาก ฉันเลยเลือกแผนกของครู"

    เสวียนเยว่เหลือบมองไปที่อาไตและพูดว่า "มันเจ๋งมาก แต่ฉันคิดว่าคุณมีคุณลักษณะของธาตุแสง มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะเรียนรู้จากเขา"

    อาไตยิ้มและพูดว่า "ลองดูก่อน ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็ยังมีคุณไม่ใช่หรือ? คุณสมบัติของเธอคล้ายกับของคุณ"

    เสวียนเยว่ยิ้มและพูดว่า : "แบบนั้นคงไม่ได้ นี่เป็นศิษย์หลักของแผนกชีวิตและความตาย หากคุณไม่สามารถสอนทักษะของคุณให้เธอได้ แล้วจะรักษาแผนกชีวิตและความตายไว้ได้อย่างไร"

    อาไตเกาหัวและพูดว่า : "ใช่แล้ว ฉันจะลองดู ความสามารถของเด็กคนนี้ค่อนข้างดี แต่ฉันไม่รู้ว่า เธอจะทนการฝึกได้หรือไม่"

    ไต้อิ๋งพูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ: "ตราบใดที่มันน่าสนใจ ต่อให้ฉันต้องทนทุกข์ทรมานฉันก็ไหว ครู.. ฉันต้องการเรียนรู้สิ่งที่เจ๋งๆจากครู"

    อาไตพูดว่า : "งั้นบอกฉัน จุดประสงค์ของการเรียนรู้ทักษะของเธอคืออะไร?"

    ไต้อิ๋งพูดอย่างไม่ลังเล : "ปกติแล้วก็เพื่อปกป้องคนที่ต้องการปกป้อง! นั่นคือสิ่งที่แม่สอนฉันตั้งแต่เด็ก เธอบอกว่าคุณปู่ของฉันฝึกฝนอย่างหนักก็เพื่อปกป้องคุณย่า พ่อฝึกฝนอย่างหนักก็เพื่อปกป้องแม่ และน้าของฉันฝึกฝนอย่างหนักก็เพื่อปกป้องน้าสะใภ้ ลูกพี่ลูกน้องของฉันฝึกฝนอย่างหนักก็เพื่อปกป้องพี่น้องของเขา"

    "ฮ่าฮ่า ฉันชอบเด็กคนนี้" เสวียนเยว่หัวเราะออกมาทันที

    อาไตยิ้มเล็กน้อย : "พอแล้วๆ การปกป้องผู้คนและทุกสิ่งที่เราอยากปกป้องคือจุดประสงค์ของเรา ที่จะแข็งแกร่งขึ้น แต่การที่จะแข็งแกร่งขึ้นยังมีความหมายอื่นอีก นั่นคือการรักษาชีวิตและมีชีวิตที่ดีขึ้น "

    มีความน่ากลัวอย่างมากระหว่างชีวิตและความตาย และเราจะเห็นธาตุแท้ของบุคคลได้อย่างชัดเจนเมื่อเขาอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย เพื่อที่จะเป็นศิษย์ของฉันอย่างแท้จริง คุณต้องผ่านการทดสอบนี้ของฉันให้ได้ ถ้าคุณทำได้ จะถือว่าคุณคือศิษย์ของฉันอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่แค่นักเรียนทั่วไป

    ตกลง! ไต้อิ๋งเป็นลูกวัวแรกเกิดที่ไม่กลัวเสือ ดังนั้นเธอจึงตอบตกลง โดยไม่ลังเล

    "เอาล่ะ วันนี้ฉันจะสอน เคล็ดกำเนิดชีวิตให้คุณ ไม่มีที่ใดเหมาะจะฝึกได้ดีไปกว่าทะเลสาบเทพสมุทร ตราบใดที่คุณสามารถยืนหยัดได้สี่สิบเก้าวัน คุณถึงจะผ่านการทดสอบ"

    เคล็ดกำเนิดชีวิตความหมายก็คือการมีชีวิตที่ไม่สิ้นสุด เป็นเทคนิคการบ่มเพาะพลัง... อาไตพาไต้อิงออกจากกระท่อมและอธิบายหลักการให้เธอฟังอย่างละเอียดโดยไม่รอช้า

    เสวียนเยว่เดินตามมาข้างหลัง ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม สาวน้อยคนนี้อยากเรียนทักษะเจ๋งๆ เธอมาหาถูกคนแล้ว




    << Back | Chapters List | Next >>

    Translate

    จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

    ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน